dune เต็มเรื่อง ตำนานกลุ่มผู้ถูกเลือก สนุกสนานตื่นเต้น ขึ้นแท่น Sci-Fi ระดับมหากาพย์ที่ปี ถ้า Dune ภาค 1 เป็นการปูเรื่องราวให้มองเห็นพื้นเพและก็แหล่งที่มาของนักแสดง มีตัวละครใหม่ปรากฏมากยิ่งขึ้นมาย การเดินเรื่องราวบางครั้งอาจจะนิ่งๆมิได้หวือหวาเท่าไรนัก แม้กระนั้นสำหรับ Dune 2 เป็นการถักต่อรายละเอียดสุดเข้มข้น เพื่อยกฐานะความน่าตื่นเต้นเป็นอย่างมากใหญ่ โดยยิ่งไปกว่านั้นเมื่อหนังทำออกมาในแบบอย่าง IMAX ได้มอบประสบการณ์ภาพ เสียง และก็วิชวลวิจิตรตระการตาให้ผู้ชมได้สัมผัสฉากแอ็กชันตระการตาของเรื่องราวการเสี่ยงภัยของพอล อะเทความชอบใจส ชายผู้ถูกมั่นใจว่าชะตาชีวิตได้ระบุเขาให้เป็น The Chosen One หรือที่ถูกเรียกชื่อกันว่า “ลีซาน อัล-ไกอีบ” ซึ่งก็คือคนที่จะนำพาชาวเฟรเมนไปสู่สมัยใหม่
ความน่าดึงดูดใจที่เพิ่มเข้ามาใน dune เต็มเรื่อง
เป็นการเล่าความเกี่ยวเนื่องที่ปรับปรุงขึ้นระหว่างพอลรวมทั้งชานี สะท้อนให้มองเห็นมุมมองชานี หญิงสาวเผ่าเฟรเมนที่มิได้ให้ศาสนาหรือความเชื่อถือที่ถูกส่งต่อมาจากรุ่นสู่รุ่นเข้ามาครอบครอง เริ่มต้นคุณเฝ้าพินิจพอลในฐานะบุคคลภายนอกเผ่า ไม่ใช่ผู้นำลัทธิเหมือนกันกับเฟรเมนผู้อื่นแต่ว่าทั้งสองประสานมือต่อสู้กับผู้ข่มขี่ที่มีพลังอำนาจเหนือกว่า โดยที่ตัวพอลเองได้ใช้อีกทั้งเชื่อถือแล้วก็กลยุทธ์สำหรับในการนำกองทัพหมู่คน ผู้ชมจะได้มองเห็นความเจริญความเกี่ยวข้องของทั้งสอง เวลาเดียวกันก็ได้มองเห็นความมีมิติของผู้แสดงพอลที่เติบโตขึ้นอีกด้วย
การแสดงนำโดยทิโมธี ชาลาเมต์ ในภาคนี้ ได้บ่งบอกถึงถึงเสน่ห์และก็สมรรถนะสำหรับการแสดงอย่างเต็มเปี่ยมของเขา โดยยิ่งไปกว่านั้นหน้าที่ที่จำต้องใช้พลังความเป็นหัวหน้าทางจิตใจวิญญาณเพื่อนำมวลชนผสานช่วยกันต่อสู้ของ “อะเทความชอบใจส” และก็ “เดอะ เฟรเมน” สำหรับเพื่อการประมือกับ “ฮาร์คอนแนน” ซึ่งเป็นผู้แทนฝั่งความโหดเหี้ยมที่สื่อออกมาให้มองเห็นอย่างเห็นได้ชัด
นอกจากฉากสุดยอดเยี่ยม แล้วก็ภาพน่าระทึกใจที่กำลังจะได้มองเห็นในภาคนี้ รวมถึงการต่อสู้กันของฝั่งผู้แทนความดีความชอบและก็ความเหี้ยมโหดอำมหิตแล้ว ก็ยังสะท้อนให้มองเห็นถึงใจความสำคัญความเกี่ยวเนื่องระหว่างมนุษย์รวมทั้งธรรมชาติ ตลอดจนการปรับตัวเพื่อดำรงเชื้อสายของผู้คน ซึ่งมีการแก่งแย่งอำนาจรวมทั้งทรัพยากรกันอย่างไม่มีทางจบนั่นเอง dune เต็มเรื่อง
ประสบการณ์ส่วนตัวของผมที่มีต่อ ‘Dune’ ในฉบับของผู้กำกับเดวิด ลินช์ (David Lynch) อาจจะหนีไม่พ้นคำว่าเหวอแตกรวมทั้งง่วงงุน ! แม้ว่าจะสารภาพว่าหนังฉบับปี 1984 ที่ประเทศไทยอุตส่าห์ตั้งชื่อว่า ‘สนามรบแรงวจักรวาล’ จะมีความทะยานอยากแล้วก็งานโปรดักชันที่มองไม่อัปลักษณ์เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีการผลิตที่ยังไม่ก้าวหน้าเท่าตอนนี้ จนถึงส่วนตัวเองก็เชื่อไปแล้วว่านิคุณยายประเด็นนี้ของ แฟรงค์ เฮอร์เบิร์ต (Frank Herbert) อาจไม่ใช่สิ่งที่ทำได้ง่ายแล้วก็น่าจะเป็นยาขมไม่น้อยสำหรับคนไหนที่คิดจะจับมาสร้างเป็นภาพยนตร์ แม้กระนั้นแล้วหลังจากนั้นก็มีคนลองดีจนได้ และก็การตลาดก็ปั้นหน้าหนังซะเปลี่ยนเป็นไซไฟเผชิญภัยเกินหน้าเกินตาความเซน (Zen) ของนิยายไปหลายช่วงตัวแต่ว่าในเมื่อมีชื่อของ เดอนีส วิลล์เนิฟว์ (Denis Villeneuve) ผู้กำกับชาวแคนาดาที่ความสามารถไม่ธรรมดาจับมาทำหนังคงจะยากที่จะยับยั้งใจไม่ให้ลองของกันอีกสักครั้ง
จุดเริ่มแรกเรื่องราวของ ‘Dune’ เป็น”
สไปซ์”ทรัพยากรมีคุณค่าที่ดาวอาร์มลทินสที่เดิมจักรพรรดิ์พาดิชาห์เคยให้เครือญาติฮาร์คอนเนนดูแลแล้วก็ปฏิบัติหน้าที่สกัดสไปซ์ส่งออกให้ผู้มีอิทธิพล แม้กระนั้นแล้ววันดีคืนดีจักรพรรดิ์ก็มอบหมายให้เครือญาติอเทความยินดีส อันสูงส่งเดินทางไปดูแลหัวเมืองอย่างอาร์ราคินสและก็ผลิตสไปซ์ป้อนเข้าศูนย์กลาง แต่ว่าโดยความเป็นจริงแล้วมันเป็นแผนของจักรพรรดิ์ที่อยากรวบอำนาจและก็จัดการกับคู่แข่งด้านการเมืองอย่าง เลโท อเทความยินดีส (เล่นบทโดยออสการ์ ไอแซค Oscar Isaac) รวมทั้งเหล่าฟรีเมนผู้ครอบครองทะเลทรายที่อาร์ความมัวหมองสให้หมดสิ้น dune เต็มเรื่อง
โดยความคาดหวังเดียวของดาวอาร์มลทินสฝากไว้ที่ พอล อเทรติส (หนโมธี ชาลาเมต์ Timothée Chalamet) ลูกของเลโทที่ถูกฝึกฝนให้ใช้วิชาที่เสียงจาก เจสสิกา อเทความชอบใจส (รีเบคกา เฟอร์กูสัน Rebecca Ferguson) สนมเอกของเลโทแล้วก็แม่ของพอลที่ตกทอดลัทธิเกสเซอริต กลุ่มผู้หญิงทรงพลังอำนาจรอชักใยความเป็นไปด้านการเมืองโดยอาศัยมนตร์ดำ รวมทั้งโดยปริยายที่พอลจะแปลงเป็นผู้ได้รับเลือกที่ชาวฟรีเมนเชื่อมาตลอด แต่ว่ามหาศึกคราวนี้ไม่่ง่ายแล้วก็ยิ่งชั่วร้ายหินเมื่อ บารอนวลาดิภรรยาร์ ฮาร์คอนเนน (สเตลลาน สการ์สการ์ด Stellan Skarsgard) รวมทั้งกองทัพจ้องมองขยี้กองทัพของอเทความชอบใจสรวมทั้งยึดอาร์มลทินสด้วยความเหี้ยมโหด
ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว ‘Dune’ ไม่ใช่งานง่ายๆที่คนไหนกันแน่จะเอามาสร้างภาพยนตร์ดีๆได้แต่ว่าก็ด้วยแพชชันของเดอนีส์ วิลล์เนิฟว์ที่เป็นแฟนนิยายมาตลอดชาติ และก็สำหรับบทหนังวิลล์เนิฟว์ร่วมเขียนกับอีริค รอคอยธ (Eric Roth) มือเขียนบทระดับตำนานจาก ‘Forrest Gump’ แล้วก็ จอห์น สเปตส์ (Jon Spaihts) ผู้เขียนบทหนังไซไฟมือแม่นจาก ‘Prometheus’ มารังสรรค์บทหนังโดยดัดแปลงปรับปรุงแก้ไขจากนิยายเล่มแรกแต่ว่าจะเล่าเพียงแค่ครึ่งเดียวเพียงแค่นั้นในหนังภาคนี้
แต่ว่าถึงจะกำหนดว่าหนังจากนิยายเล่มแรกจะแบ่งเป็น 2 ภาครวมทั้งหนังประเด็นนี้เป็นเรื่องราวเพียงแค่ครึ่งแรกเพียงแค่นั้นแต่ว่ารายละเอียดแล้วก็หัวใจของเรื่องราวกลับถูกเก็บได้ครบสมบูรณ์ทั้งยังเกมการบ้านการเมืองเลอะเทอะ อำนาจนักลงทุนไปจนกระทั่งส่วนประกอบของความเป็นไซไฟที่เชื่อมโยงรายละเอียดแฟนตาซีฝันเฟื่องกับปัญหาความแตกต่างในโลกใบนี้ตามเจตนารมย์ของแฟรงค์ เฮอร์เบิร์ตได้ไม่มีตกหล่นแล้วก็วิลเนิฟว์ยังสามารถถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้พอดีรวมทั้งมองบันเทิงใจเกินคาด
นอกนั้นหนังยังขายความวิจิตรตระการตา (Spectacular)
ของงานวิชวลได้อย่างประดิษฐ์และก็น่าประทับใจซึ่งแทนที่จะเอาคอมพิวเตอร์สร้างรมันเสียทุกๆอย่าง แต่งานวางแบบแบบสัมผัสได้ (Practical) ตั้งแต่รูปร่างหน้าตาสไตล์การแต่งตัวไปจนกระทั่งการออกแบบงานสร้างสุดงามพิศดารหลากวัฒนธรรมผสมทั้งยังเสื้อผ้าแบบอาหรับ ชุด งานพิธีและก็สถาปัตยกรรมแบบอิสลามต่างหากที่ทำให้ ‘Dune’ ฉบับนี้เต็มไปด้วยความริเริ่มคิดสร้างสรรค์และก็บางทีอาจเป็นต้นแบบให้กำเนิดงานออกแบบแบบพหุวัฒนธรรมถัดไปได้ไม่สิ้นสุด
และก็ด้วยความชำนาญการใช้แรงงานวิชวลเล่าอย่างเก่ง โอกาสนี้วิลล์เนิฟว์เลือกเอากล้องถ่ายรูป อเล็กซาไอแมกซ์ (Alexa Imax) มาถ่ายทอดทั้งยังความใหญ่โตของทะเลทรายแล้วก็ความย่อยยับของการทำศึกเลยสนับสนุนให้งานภาพของหนังไปไกลกว่าเพียงแค่งานฟาดศีรษะเข้าบ้านกระทั่งทำให้กลุ่มคำ “See It In IMAX” ไม่น่าเกินเลยสำหรับ ‘Dune’ แม้แต่น้อย ด้วยเหตุว่ามันไม่เพียงแต่สร้างความกว้างใหญ่ให้ภาพบนหน้าจอแบบไม่มีความหมายแม้กระนั้นยังผลักดันรวมทั้งขับย้ำพลังของงานภาพรวมทั้งเรื่องราวได้ทรงประสิทธิภาพมากมายๆ dune เต็มเรื่อง
ตามสไตล์ของ Denis Villeneuve หนังของเขาจะไม่ใช่สไตล์หนังตลาดสักเท่าไหร่ ฉะนั้น Dune จะมิได้ย้ำแอ็คชั่นไซไฟราวกับ Star Wars หรือ Star Trek แต่ว่าเขาใช้เวลาสองชั่วโมงครึ่งนี้ เบาๆเล่าราวกับพาพวกเราอ่านหนังสือ ประเภทเก็บและก็ดูดซับดูเหมือนจะทุกดีเทล เหมือนกับกำลังอ่านตัวอักษรอธิบายครั้งละบรรทัดๆทำให้พวกเราได้ take time กับนักแสดงแล้วก็สถานที่อย่างที่ต้องเป็น รวมทั้งงานของเขาก็ราวกับงานศิลป ที่สะดุดตาด้วยงาน visual ที่ดียิ่งเหนือจินตนาการ, production design ที่น้อยแต่ว่ามากมาย เรียบแม้กระนั้นโก้เก๋, แล้วก็ score ที่ทรงประสิทธิภาพ ซึ่งพวกเราจำต้องเบาๆเสพแล้วก็ประทับใจ แล้วพอเพียงพวกเราจมเข้าไปแล้ว พวกเราจะรู้สึกเสมือนหลุดเข้าไปอยู่ในโลกของ Dune เลยจริงๆ
#งานวิชวลแล้วก็สกอร์ที่โคตรล้ำและก็ทรงอำนาจระดับออสการ์
โดยยิ่งไปกว่านั้นใน Dune นี้ Denis Villeneuve ร่วมมือกับ Greig Fraser ซึ่งเป็น cinematographer ผู้เคยเข้าชิงออสการ์จาก Lion, Zero Dark Thirty, Foxcatcher, Rogue One: A Star Wars Story อื่นๆอีกมากมาย และก็ Hans Zimmer ซึ่งเป็น score composer ที่เคยชิงออสการ์มาแล้วถึง 11 ยุค จาก Dunkirk, Interstellar, Inception, Gladiator, The Lion King อื่นๆอีกมากมาย ผลสรุปของการรวมตัวกันของเทวดาอีกทั้งสาม ทำให้งานออกมาโคตรล้ำ โคตรงาม รวมทั้งโคตรทรงอำนาจ ในทุกๆมิติ ดูหนังไทยออนไลน์
#มีคุณค่าแก่การดูใน IMAX
แน่ๆว่า สเกลภาพและก็เสียงที่ยิ่งใหญ่วิจิตรตระการตาระดับมาสเตอร์พีซขนาดนี้ เขาสร้างมาเพื่อผู้ชมได้ experience ในโรง IMAX โดยยิ่งไปกว่านั้น ส่วนตัว พวกเราได้นั่งกึ่งกลางโรง IMAX ขอบอกว่า ปรีดิ์เปรมมากมาย เสมือนพวกเราได้ไปเป็นคนเฝ้าดูกึ่งกลางทะเลทรายที่กว้างสุดสายตา รวมทั้งราวกับมีอีหนอนยักษ์มาเผชิญหน้าจริงๆซึ่งหากพวกเราเพียงแค่พบอีสัตว์ตัวมโหฬารนี้มาอ้าปากใส่บนหน้าจอเล็กๆที่บ้าน มันก็อาจจะเข้าไม่ถึงความน่ากลัวถึงไซส์และก็เสียงคำรามของเจ้าหนอนพอๆกับได้มองบนหน้าจอ IMAX จริงๆ
งานศิลปที่เสพง่ายของเสด็จบิดาวิลล์เนิร์ฟ
จะว่าไป Dune นี่นับว่าเป็นผลงานที่มองง่ายแล้ว สำหรับ Denis Villeneuve อย่างน้อยที่สุด เขาก็เอาดาราหนังตัวท็อป อีกทั้งรุ่นใหญ่และก็รุ่นเล็ก ที่ผู้ชมหนังโดยมากคุ้นตาชินตามาแสดงเกือบจะอีกทั้งแผง ซึ่งแต่ละคนล้วนมีดีกรีเข้าชิงออสการ์หรือผ่านการเล่นหนังบล็อกบัสเตอร์มาแล้วทั้งหมด ทำให้ผู้ชมรู้สึก struggle น้อยหน่อยสำหรับเพื่อการจำนักแสดงแล้วก็ทำความเข้าใจคำศัพท์ลิเกอวกาศจากสมัยดิสโธเปีย
ยิ่งกว่านั้น ด้วยเหตุว่าหนังสือต้นฉบับของ Frank Herbert มีธีมหรือแก่นของเรื่องที่ค่อนข้างจะ universal แล้วในขณะนี้ อีกทั้งเรื่องความหวาดกลัว การฉกชิงทรัพยากร โลกร้อน การสู้รบ ความเลื่อมใสหรือศาสนา ระบบทหารและก็ศักดินา การบ้านการเมือง การยึดอำนาจ การล่าอาณานิคม ที่พวกเรารู้จักดีกันดีจาก Game of Thrones, Mad Max, อื่นๆอีกมากมาย (แล้วก็ชีวิตจริงในประเทศของพวกเรา) ทั้งยัง Dune ยังเป็นแรงจูงใจของหนัง/ซีรีส์ space travel มีชื่อเสียงในสมัยถัดมาหลายเรื่อง รวมทั้ง Star Wars เพราะฉะนั้น รายละเอียดของ Dune ก็เลยมิได้เข้าถึงยากเหมือนอย่างที่คิด
จบท้ายที่งานรวมศิลปินของหนังซี่งก็จะต้องเห็นด้วยว่า รีเบคกา เฟอร์กูสัน ดูเหมือนจะได้การเด่นจากหนังไปมากที่สุดทั้งยังปริมาณช็อตที่ปรากฎกายหรือจนกระทั่งจุดสำคัญในหนังรวมทั้งคุณก็ถ่ายทอดหน้าที่ได้อย่างเด่นจริงๆส่วนครั้งโมธี ชาลาเมต์ก็ฉายเสน่ห์อย่างเต็มเปี่ยมรวมทั้งถ่ายทอดเคมีความโรแมนติกกับเซนดายาได้อย่างพอดี แม้กระนั้นตำแหน่งดาราหนังที่ผู้หญิงจะกรี้ดที่สุดเห็นจะเป็น เจสัน โมโมอา (Jason Momoa) ในบท ดันแคน ไอดาโฮ ที่มาลุคชายหนุ่มล่ำหนวดเคราเตียนๆพร้อมคิวบู๊มันๆโก้ๆที่บอกเลยว่าผู้หญิงมีละลายแน่ๆ dune เต็มเรื่อง
อาจไม่ต้องอวยอะไรกันให้เยอะมากอีกแล้วนอกเหนือจากต้องการเชิญชวนให้ท่านไปพิสูจน์ด้วยตาตัวเองผู้ใดกันสบายโรงภาพยนต์ปกติก็ยังให้อรรถรสอยู่แต่ว่าถ้าเกิดปรารถนามีประสบการณ์ร่วมกับหนังแบบสุดๆผมเสนอแนะให้มองในโรงไอแมกซ์ครับผม เชื่อเถอะว่าดูแล้วจะจำไม่ได้เลยว่าพวกเราจะดูหนังสเกลนี้ ทำเป็นดีขนาดนี้ในหน้าจอเล็กๆได้อย่างไร
สำหรับบทความนี้หลายคนบางทีอาจจะไม่สบายใจว่า นิยายมากยิ่งกว่า 800 กว่าหน้าจะมายัดในหัวข้อนี้แล้วผู้ชมจำเป็นจะต้อง สอนพื้นฐานมากไหม มองยากไหมจำต้องพูดว่า ง่ายยิ่งกว่าที่คิดครับผมเนื่องจากว่าประเด็นนี้จริงๆเป็นรายละเอียดเพียงแค่ครึ่งเดียวของ นิยายทั้งผอง 800 หน้าเพียงเท่านั้นนะครับบอกเลยว่าทำออกมาก้าวหน้า และก็หัวข้อนี้ก็เลยย้ำไปที่การสอนเบสิคผู้แสดง เชื่อมความเกี่ยวเนื่องเป็นหลัก แต่ว่าก็มีการเล่าที่มิได้น่ารำคาญ หรือ เรื่อยๆแบบที่คิด มีการต่อสู้เข้ามาแทรก การเล่าเรื่องฝั่งอื่นๆเข้ามา ทำให้อีกทั้งเรื่องสามารถติดตามได้ตั้งแต่ต้นกระทั่งจบ รวมทั้งเล่าเป็น PART 1 แค่นั้นทำให้ตอนสุดท้ายเองปลายเปิดไปภาคต่อได้ในทันทีแบบไม่ต้องสงสัย เป็นหนังที่ รายละเอียดบท บางทีอาจจะย้ำปูเรื่องมิได้มีจุดพีค หรือหักมุมอะไรมากมาย แต่ว่าก็เอาผู้ชมได้อยู่ไม่มีเบื่อนะครับอันนี้นับว่ายาก รวมทั้งทาง Denis Villeneuve ทำเป็นดีเลิศ
ดาราเองนั้นระดับเกรด A ทั้งสิ้นที่เข้ามาร่วมแสดงทั้งยัง ทิโมธี ชาลาเมต์ , เซนเดยา, เจสัน โมโมอา, เดฟ บอทิสตา, สเตลแลน สการ์สการ์ด และก็ อีกเพียบเลยทำให้ประเด็นการแสดงพวกเราเองไม่ต้องสงสัยในความสามารถการแสดง จนกระทั่งคนไม่ใช่น้อยต้องการให้จัดเต็มมากยิ่งกว่านี้ด้วย แต่ว่าอีกทั้งรายละเอียด นักแสดงต่างๆนั้นเยอะแยะ แม้กระนั้นก็รู้เรื่องได้ง่ายไม่สับสนครับผมจุดนี้แบ่งได้ดี แต่ว่าผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยบางทีอาจจะไปเน้นย้ำจัดเต็มกัน ภาค 2 เป็นหลักก็จำเป็นต้องติดตาม ทำให้การแบ่งตอนที่ออกมา พรีเซนเทชั่นให้คนสามัญรู้เรื่องได้ง่ายไม่ แน่นเกิน